มาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ปี 2568: ลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง + ผ่อนเกณฑ์ LTV ชั่วคราว

  • 1 month ago
มาตรการอสังหาฯ 2568

ในช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังเผชิญภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ การผ่อนคลายมาตรการ Loan-to-Value (LTV) และการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และการจดจำนอง

มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์

ครม. เห็นชอบให้มีการ “ลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาที่เข้าถึงได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

✅ ลดค่าธรรมเนียมการโอน จาก 2% → 0.01%
✅ ลดค่าธรรมเนียมการจำนอง จาก 1% → 0.01%

เงื่อนไข

  • สำหรับอาคารที่อยู่อาศัย บ้านเดี่ยวบ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และห้องชุด
  • ราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ ไม่เกิน 7 ล้านบาท
  • วงเงินจำนอง ไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา
  • ผู้ซื้อ ต้องเป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย

📅 ระยะเวลา: ตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569

มาตรการผ่อนคลายเกณฑ์สินเชื่อ (LTV)

เพื่อช่วยลดข้อจำกัดด้านการขอสินเชื่อในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ธปท. จึงมีมติ “ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV” เป็นการชั่วคราว ดังนี้

📌 ปล่อยกู้ได้เต็ม 100% ของมูลค่าหลักประกัน

  • สำหรับ สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป หากราคาทรัพย์ ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
  • สำหรับ สัญญากู้หลังที่ 1 หากราคาทรัพย์ ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

📅 ระยะเวลาบังคับใช้: ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึง 30 มิถุนายน 2569

💬 ธปท. มองว่าการผ่อนคลาย LTV นี้จะไม่เพิ่มความเสี่ยงทางการเงิน เพราะขณะนี้สถาบันการเงินยังมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ และภาวะการเงินโดยรวมยังตึงตัวอยู่

มาตรการซื้อขายอสังหาฯ

การปรับตัวสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

สำหรับผู้ซื้อ

  1. วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ – แม้จะสามารถกู้ได้มากขึ้นและประหยัดค่าธรรมเนียม แต่ควรพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ระยะยาว
  2. พิจารณาจังหวะเวลาที่เหมาะสม – หากวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ควรเร่งดำเนินการภายในปี 2568 เพื่อใช้ประโยชน์จากทั้งสองมาตรการ
  3. เจรจาต่อรอง – ใช้มาตรการนี้เป็นจุดแข็งในการเจรจาต่อรองกับผู้ขายหรือผู้ประกอบการ

สำหรับผู้ขาย

  1. ปรับกลยุทธ์การขายตามช่วงเวลาของมาตรการ – เร่งการตลาดและการขายในช่วงที่มาตรการทั้งสองมีผลบังคับใช้
  2. พิจารณาปรับราคาให้อยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับประโยชน์ – หากราคาขายใกล้เคียง 7 ล้านบาท อาจพิจารณาปรับราคาให้ไม่เกินเพดานเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ
  3. เน้นจุดขายที่ตอบโจทย์ผู้ซื้อในยุคปัจจุบัน – นำเสนอคุณค่าที่ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ

สำหรับผู้ประกอบการ

  1. วางแผนการตลาดแบบเฟสตามช่วงเวลาของมาตรการ – แบ่งแคมเปญการตลาดเป็น 2 ช่วง คือช่วงที่ได้ประโยชน์ทั้งสองมาตรการ และช่วงที่ได้ประโยชน์เฉพาะมาตรการ LTV
  2. สร้างพันธมิตรกับสถาบันการเงิน – ร่วมมือกับธนาคารในการนำเสนอแพ็กเกจสินเชื่อที่ดึงดูดผู้ซื้อ
  3. พัฒนาโครงการที่สอดคล้องกับมาตรการ – พิจารณาพัฒนาโครงการที่มีหน่วยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทเพื่อใช้ประโยชน์จากมาตรการลดค่าธรรมเนียม

          มาตรการทั้งสองชุดนี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานควบคู่กัน เพื่อช่วยบรรเทาภาระประชาชน ส่งเสริมให้คนไทยมี “บ้านในฝัน” ได้ง่ายขึ้น และช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทยในภาพรวม

          แม้ว่ามาตรการเหล่านี้จะสร้างโอกาสทางธุรกิจและช่วยให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น แต่ทุกฝ่ายควรพิจารณาถึงความเสี่ยงและผลกระทบระยะยาวอย่างรอบคอบ

หมายเหตุ: เนื้อหานี้เรียบเรียงขึ้นจากข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการ LTV และมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ณ เดือนเมษายน 2568 หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของมาตรการ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลทางการของธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th) และกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย

$property_latitude = get_post_meta($post->ID, '_houzez_property_latitude', true); $property_longitude = get_post_meta($post->ID, '_houzez_property_longitude', true); $nearby_train_stations = get_nearby_train_stations($property_latitude, $property_longitude);