‘อสังหาริมทรัพย์’ กับ ‘สังหาริมทรัพย์’ : รู้จักทรัพย์สินของคุณให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ทรัพย์สินของคุณจัดอยู่ในประเภทไหน? ทำไมคุณถึงควรรู้?

ในการทำธุรกรรมทางการเงินและกฎหมาย การเข้าใจว่าทรัพย์สินของคุณจัดอยู่ในประเภทใดมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย การทำสัญญา หรือแม้แต่การจัดการมรดก กฎหมายไทยได้แบ่งทรัพย์สินออกเป็นสองประเภทหลัก คือ “สังหาริมทรัพย์” และ “อสังหาริมทรัพย์” ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในแง่ลักษณะทางกายภาพและการปฏิบัติทางกฎหมาย

มาทำความรู้จักกับทรัพย์สินทั้งสองประเภท เพื่อให้คุณเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตัวเองในฐานะเจ้าของทรัพย์สินได้อย่างถูกต้อง

อสังหาริมทรัพย์ คืออะไร?

อสังหาริมทรัพย์ (Immovable Property) หมายถึง ทรัพย์สินที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้โดยสภาพ หรือโดยเจตนาที่ประสงค์ให้เป็นเรื่องถาวร

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 139 ได้กำหนดไว้ว่า: “อสังหาริมทรัพย์ หมายความว่า ที่ดินและทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวร หรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้น และหมายความรวมถึงทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับที่ดินหรือทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้นด้วย”

ตัวอย่างอสังหาริมทรัพย์

ประเภท

ตัวอย่าง

เครื่องใช้ในบ้าน

โต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า

ยานพาหนะ

รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป

สินทรัพย์ทางการเงิน

เงินสด พันธบัตร หุ้น

สัตว์เลี้ยง

สุนัข แมว นก

สินค้าและวัตถุดิบ

สินค้าในร้าน วัตถุดิบในโรงงาน

สังหาริมทรัพย์ คืออะไร?

สังหาริมทรัพย์ (Movable Property) หมายถึง ทรัพย์สินที่เคลื่อนย้ายได้ ไม่ว่าจะด้วยตัวของมันเองหรือโดยวิธีการใดๆ

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 140 ได้กำหนดไว้ว่า: “สังหาริมทรัพย์ หมายความว่า ทรัพย์สินอื่นนอกจากอสังหาริมทรัพย์ และหมายความรวมถึงสิทธิอันเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นด้วย”

ตัวอย่างสังหาริมทรัพย์

ประเภท

ตัวอย่าง

เครื่องใช้ในบ้าน

โต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า

ยานพาหนะ

รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป

สินทรัพย์ทางการเงิน

เงินสด พันธบัตร หุ้น

สัตว์เลี้ยง

สุนัข แมว นก

สินค้าและวัตถุดิบ

สินค้าในร้าน วัตถุดิบในโรงงาน

ข้อควรรู้: แม้ว่าต้นไม้จะมีรากที่ยึดติดกับที่ดิน แต่หากยังไม่ได้ปลูก เช่น ต้นไม้ในกระถางหรือต้นไม้ที่ขุดขึ้นมาเพื่อขายก็ถือเป็นสังหาริมทรัพย์

ความแตกต่างระหว่างอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์

ความแตกต่างทางกฎหมายที่สำคัญ

การแบ่งประเภททรัพย์สินมีความสำคัญอย่างมากในทางกฎหมาย เพราะมีผลต่อวิธีการทำนิติกรรม การจดทะเบียน ภาษี และการบังคับคดี

1. การโอนกรรมสิทธิ์

อสังหาริมทรัพย์

  • ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
  • การโอนที่ไม่ได้จดทะเบียนมีผลเพียงเป็นสัญญาจะซื้อจะขาย
  • มีขั้นตอนและค่าใช้จ่ายมากกว่า

สังหาริมทรัพย์

  • โอนกรรมสิทธิ์ด้วยการส่งมอบการครอบครอง
  • บางกรณีต้องทำเป็นหนังสือ เช่น เรือกำปั่น เรือมีระวางตั้งแต่ 5 ตัน
  • มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน รวดเร็ว

ข้อกฎหมาย: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 กำหนดว่า "การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นโมฆะ"

2. อายุความ

อสังหาริมทรัพย์

  • อายุความได้มาโดยการครอบครอง: 10 ปี
  • อายุความฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนโดยมิชอบ: 10 ปี

สังหาริมทรัพย์

  • อายุความได้มาโดยการครอบครอง: 3 ปี (โดยสุจริต) หรือ 5 ปี (โดยทั่วไป)
  • อายุความฟ้องเรียกคืน: 1 ปี (กรณีทรัพย์หาย)

*ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละกรณี

คำพิพากษาฎีกา: ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยว่า การครอบครองที่ดินโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี สามารถได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ (ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382)

3. ภาษีและค่าธรรมเนียม

อสังหาริมทรัพย์

  • ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำปี
  • มีค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากรแสตมป์ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีธุรกิจเฉพาะ (กรณีขายภายใน 5 ปี)

สังหาริมทรัพย์

  • ไม่มีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
  • ค่าธรรมเนียมการโอนต่ำหรืออาจไม่มีเลย

*ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละกรณี

ผลทางกฎหมายที่สำคัญในชีวิตประจำวัน

การทำสัญญาซื้อขาย

อสังหาริมทรัพย์: ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ (สำนักงานที่ดิน) มิฉะนั้นสัญญาซื้อขายจะตกเป็นโมฆะ

สังหาริมทรัพย์: ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ สามารถตกลงด้วยวาจาและส่งมอบทรัพย์ได้ (ยกเว้นทรัพย์บางประเภทที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำเป็นหนังสือ เช่น เรือกำปั่น)

การจำนอง และการจำนำ

อสังหาริมทรัพย์: ใช้วิธีการจำนอง ผู้จำนองยังคงครอบครองทรัพย์ได้ แต่ต้องจดทะเบียนจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

สังหาริมทรัพย์: ใช้วิธีการจำนำ ต้องส่งมอบทรัพย์ให้แก่ผู้รับจำนำ

การทำพินัยกรรม

อสังหาริมทรัพย์: นอกจากระบุในพินัยกรรมแล้ว ผู้รับมรดกยังต้องไปดำเนินการจดทะเบียนโอนมรดกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สังหาริมทรัพย์: สามารถยกให้ทางพินัยกรรมได้โดยระบุรายละเอียดของทรัพย์

          การแบ่งแยกระหว่างสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของคำนิยามทางกฎหมายเท่านั้น แต่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสิทธิ หน้าที่ และขั้นตอนการทำธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน

          การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณสามารถปกป้องสิทธิของตนเอง ปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย การโอนกรรมสิทธิ์ หรือการวางแผนมรดก

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางกฎหมาย หากมีข้อสงสัยหรือปัญหาเฉพาะ โปรดปรึกษาทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายโดยตรง

$property_latitude = get_post_meta($post->ID, '_houzez_property_latitude', true); $property_longitude = get_post_meta($post->ID, '_houzez_property_longitude', true); $nearby_train_stations = get_nearby_train_stations($property_latitude, $property_longitude);